นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีนำผู้ประกอบการไทยประมาณ 20 คน เพื่อพบกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐ ประมาณ 80 บริษัท แบ่งเป็น 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมอีวี อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างศักยภาพความร่วมมือในอนาคต ระหว่างการเดินทางประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30
สำหรับอุตสาหกรรมแรกเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี อาทิ บริษัทเทสลา ซึ่งเป็นการหารือต่อยอดจากที่เคยพบปะกันที่นิวยอร์ก โดยวันนี้จะมาพูดคุยให้ลึกขึ้นและติดตามผล เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีวีในภูมิภาค โดยช่วงที่ผ่านมามีบริษัทรายใหม่หลายรายเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เข้ามาตั้งฐานการผลิตส่งออกไปยังประเทศต่างๆ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัลจะพบกับบริษัทสำคัญ เช่น บริษัทเอดับบลิวเอส บริษัทกูเกิล และบริษัท ไมโครซอฟท์ โดยบริษัทอเมซอนที่ประกาศร่วมลงทุนในไทยในต้นปีหน้า โดยลงทุนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 200,000 ล้านบาท ระยะแรกลงทุนสร้าง ดาต้า เซ็นเตอร์ 3 แห่ง เป็นบริษัทที่นายกฯ ได้พบที่นิวยอร์ก และทำงานกันต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้เป็นรูปธรรมและพยายามดึงดูดให้บริษัทเหล่านี้ เข้ามาตั้งฐานดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวน์ เซอร์วิสในไทย
กลุ่มบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ นายกฯ จะพบบริษัทเอดีไอ บริษัทเอชพี และบริษัทเอ็นวิเดีย ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความสนใจในประเทศไทย เพราะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้ายุทธศาสตร์ที่ประเทศทั่วโลกต้องการดึงให้ไปผลิตที่ประเทศตัวเอง โดยเฉพาะสมาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งที่ผ่านมาไทยเป็นการผลิตกลางน้ำ รัฐบาลจึงมีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มุ่งไปสู่ต้นน้ำมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมโรงงานผลิต การออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนายกฯ จะได้พบปะพูดคุยและเชิญชวนให้ขยายฐานการผลิตในไทย สำหรับจุดแข็งของไทยที่ทำให้บริษัทเหล่านี้สนใจ เนื่องจากไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมมากที่สุดในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือ สนามบินที่มีคุณภาพ และซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงของไทยจะไม่ส่งผลกระทบหรือความกังวลต่อการตัดสินใจมาลงทุนไทย เพราะเน้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม โดยบอร์ดบีโอไอ ตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะดึงบริษัทชั้นนำไม่น้อยกว่า 100 บริษัท มาตั้งในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่าสูงกว่า 10,000 ตำแหน่ง ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำที่ใช้เมืองไทยเป็นฐานมากมาย เช่น อะโกด้า ที่มีพนักงานอยู่ 3,000 คน ในประเทศไทย เป็นต่างชาติ 2,000 คน และคนไทย 1,000 คน โดยมีการพัฒนาที่ประเทศไทย